สายการบินไทยเวียตเจ็ทต้อนรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์ เส้นทางบินระหว่างประเทศเส้นทางใหม่ กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) – ฟูกุโอกะ ซึ่งเป็นเส้นทางบินสู่ประเทศญี่ปุ่นเส้นทางแรกของสายการบินฯ พร้อมพิธีต้อนรับ ณ ท่าอากาศยานฟูกุโอกะ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2565
นายวรเนติ หล้าพระบาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยเวียตเจ็ท กล่าวว่า “การเปิดให้บริการเส้นทางบินระหว่างสุวรรณภูมิและฟูกุโอกะของสายการบินไทยเวียตเจ็ทในวันนี้เป็นหมุดหมายสำคัญของสายการบินฯ ที่แสดงถึงปณิธานของสายการบินในการยกระดับการเชื่อมต่อทางอากาศในระดับภูมิภาค เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้สยายปีกขยายเครือข่ายเส้นทางบินระหว่างประเทศ เชื่อมต่อไทยและญี่ปุ่นด้วยเที่ยวบินตรงสู่ฟูกุโอกะ ซึ่งเป็นเส้นทางบินตรงสู่ประเทศญี่ปุ่นเส้นทางแรกของสายการบินฯ
พร้อมมอบโอกาสการเดินทางแก่ผู้โดยสารของทั้งสองประเทศ รวมทั้งการเดินทางเพื่อการท่องเที่ยวและการเดินทางเพื่อธุรกิจ เราเชื่อมั่นว่าเส้นทางบินใหม่นี้จะมีส่วนอย่างมากในการเชื่อมต่อประชาชนระหว่างสองประเทศ พร้อมทั้งช่วยฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและพัฒนาเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศในภาพรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อความต้องการการเดินทางเพิ่มสูงขึ้นหลังจากที่ตลาดการบินซบเซาไปเป็นระยะเวลานาน อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19
ในระยะแรก เส้นทางบินระหว่างประเทศ ระหว่าง สุวรรณภูมิ และ ฟูกุโอกะ จะให้บริการสัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน ทุกวันจันทร์ พุธ และเสาร์ โดยใช้เวลาทำการบิน 5 ชั่วโมง 30 นาที โดยประมาณ ดังตารางเที่ยวบินต่อไปนี้
หมายเลขเที่ยวบิน ต้นทาง ปลายทาง ออกเดินทาง ถึงปลายทาง วันที่ให้บริการ
VZ810 กรุงเทพฯ ฟูกุโอกะ 02:05 09:30 จันทร์/พุธ/เสาร์
VZ811 ฟูกุโอกะ กรุงเทพฯ 10:30 14:10
เพื่อฉลองการเปิดให้บริการเส้นทางบินใหม่ สายการบินฯ เสนอโปรโมชั่นพิเศษ “Fly Comfy, Fly Deluxe” เสนอบัตรโดยสารแบบราคาพิเศษ เริ่มต้นเพียง 4,499 บาท (รวมภาษีและค่าธรรมเนียม) สำหรับเดินทางบนเส้นทางบินระหว่างประเทศ สุวรรณภูมิ – ฟูกุโอกะ ของไทยเวียตเจ็ท บัตรโดยสารแบบดีลักซ์รวมน้ำหนักสัมภาระ 20 กิโลกรัม สิทธิในการเลือกที่นั่งฟรี บริการเช็คอินช่องทางพิเศษ และสิทธิในการเปลี่ยนเที่ยวบินไม่จำกัดจำนวนครั้งโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ผู้โดยสารสามารถสำรองบัตรโดยสารราคาพิเศษได้ตั้งแต่วันที่ 20-27 กรกฎาคม 2565 เดินทางได้ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2565 – 25 มีนาคม 2566 ที่เว็บไซต์ th.vietjetair.com
พร้อมกันนี้ สายการบินไทยเวียตเจ็ท ร่วมกับ AIS 5G ซึ่งเป็นผู้นำด้าน Digital Life Service Provider อันดับ 1 ที่มีคลื่นความถี่ในการให้บริการมากที่สุด รวมถึงเป็นผู้ให้บริการที่มีโครงข่ายสัญญาณดีที่สุดและครอบคลุมประเทศต่าง ๆ มากเป็นอันดับ 1 ของโลก มอบซิมการ์ด SIM2Fly 5G แพ็กเอเชียและออสเตรเลีย ซิมโรมมิ่งที่สัญญาณดีที่สุด มูลค่า 399 บาท แก่ผู้โดยสารบนเที่ยวบินปฐมฤกษ์ กรุงเทพฯ – ฟูกุโอกะ ซิมการ์ด SIM2Fly 5G แพ็กเอเชียและออสเตรเลียนี้ สามารถใช้งาน 5G ได้ทั้งสิ้น 15 ประเทศ รวมทั้งประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ผู้โดยสารได้สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่กับสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่เร็วและแรงขึ้นกว่าเดิม
โดยการใช้งาน ณ ประเทศญี่ปุ่น สามารถใช้งานสัญญาณได้ทั้งเครือข่าย Softbank และ Docomo ซึ่งเป็นเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดและค่อนข้างครอบคลุมการใช้งานในทุกพื้นที่ของประเทศญี่ปุ่น ซิมการ์ด SIM2Fly สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้จำนวน 6GB ในระยะเวลา 10 วัน พร้อมทั้งสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยได้ 500 MB
นางเบญจพร กำเพ็ชร หัวหน้าสำนักการตลาดกลุ่มลูกค้าพรีเพด AIS กล่าวว่า หลังจากมาตรการ COVID-19 ผ่อนคลาย ขณะนี้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลับมาคึกคักอีกครั้ง เพื่อเป็นการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง AIS ในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัลได้จับมือกับทางไทยเวียตเจ็ทมอบ SIM2Fly 5G แพ็กเอเชียและออสเตรเลียในเที่ยวบินปฐมฤกษ์ กรุงเทพฯ – ฟูกุโอกะ ฟรีทุกคน เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับความเร็วแรงระดับ 5G จาก SIM2Fly 5G ของ AIS ได้อย่างไม่สะดุดในทุกพื้นที่
ซึ่งในวันนี้สามารถใช้งานในต่างประเทศได้แล้วมากถึง 32 ประเทศ ซึ่งจะตอบโจทย์นักท่องเที่ยว นักเดินทาง รวมทั้งกลุ่มนักธุรกิจที่ต้องเดินทาง โดยเราเชื่อว่าบริการนี้จะสามารถเติมเต็มความต้องการของลูกค้าและอำนวยความสะดวกสบาย ที่จะมาพร้อมกับสิทธิพิเศษต่าง ๆ ซึ่ง AIS พร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งของลูกค้าในการส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัลและการสื่อสารที่ดีที่สุดในทุกการเดินทาง
นอกจากการเปิดให้บริการเส้นทางบินระหว่างประเทศ สุวรรณภูมิ – ฟูกุโอกะ ปัจจุบัน เวียตเจ็ท กรุ๊ป (Vietjet Group) ยังได้ให้บริการเส้นทางบินตรงจาก ฮานอย (เวียดนาม) สู่ ฟูกุโอกะ และ นาโกย่า ด้วยความถี่สัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน และ 4 เที่ยวบิน ตามลำดับ พร้อมกันนี้ สายการบินไทยเวียตเจ็ทยังให้บริการเที่ยวบินเชื่อมต่อแก่ผู้โดยสารที่เดินทางจากฟูกุโอกะ สู่ ภูเก็ต กระบี่ และเชียงใหม่ โดยให้บริการเที่ยวบินเชื่อมต่อ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มอบตัวเลือกการเดินทางที่สะดวกสบายและยืดหยุ่นแก่ผู้โดยสาร
ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นจำเป็นต้องดำเนินการยื่นขอวีซ่า (visa) และต้องแสดงผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ที่มีผลเป็นลบไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางสู่ประเทศญี่ปุ่น ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบจำนวนแล้ว สามารถเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยได้โดยไม่ต้องแสดงผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 หรือกรมธรรม์ประกันการเดินทาง ทั้งยังไม่ต้องลงทะเบียน Thailand Pass ก่อนเดินทางเข้าสู่ประเทศไทย