รีวิว ทดสอบ Volvo XC40 Recharge T5 แรงที่สุด ครบเครื่องและคุ้มค่าที่สุดในคลาส

Spread the love

 

ก่อนหน้านี้ Techmoveon ได้เคยหยิบยืม Volvo XC40 T5 AWD R-Design ซึ่งในรุ่นนั้นก็เรียกได้ว่าครบเครื่องและครบครันกันไปแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกแค่ชื่นชมแต่ยังไม่ว๊าวเท่าไร แต่หลังจากได้ลองขับ Volvo XC40 Recharge T5 ที่ใช้เครื่องยนต์ Plug-in Hybrid รุ่นใหม่กันแบบยาว ๆ แล้ว ต้องบอกเลยว่าจากแค่ชื่นชมรถบอดี้นี้ กลายเป็นชื่นชอบจนอยากกรี๊ดดดดัง ๆ แทบจะยกให้เป็นตัวเลือกเบอร์ 1 ในกลุ่มพรีเมียมคอมแพ็คเอสยูวีกันเลยทีเดียว

 

XC40 รุ่นก่อนหน้านี้ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร 1,969 ซีซี. พ่วงเทอร์โบ ให้พละกำลังสูงสุด 252 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบตลอดเวลา AWD อัตราเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ในเวลา 8.4 วินาที และอัตราเร่งแซงช่วง 80-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 5.9 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดที่ทำได้อยู่ที่ 210 กม./ชม.

 

 

ส่วนรุ่น Plug-in Hybrid ที่ได้ลองกันนี้ เป็นรุ่นใหม่ที่เหมาะสำหรับลูกค้าที่เตรียมก่อนจะขยับไปสู่รถไฟฟ้าเต็มตัว ด้วยการใช้เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร 1,477 ซีซี. พ่วง Turbocharge พละกำลัง 180 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 265 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า พละกำลัง 82 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 160 นิวตันเมตร รองรับเบนซิน 95 และแก๊สโซฮอล E10 ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ Dual-Clutch 7 จังหวะ with Geartronic ขับเคลื่อนล้อหน้า มาพร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 10.7 kWh

 

เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า จะได้พละกำลังรวมสูงสุด 262 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 425 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ประมาณ 8.2 วินาที และเมื่อปรับเป็นเพาเวอร์โหมด ตัวเลขจะขยับขั้นมาเป็น 7.8 วินาที และอัตราเร่งแซงช่วง 80-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ทำได้ 5.9 วินาที จะลดเหลือ 5 วินาที คราวนี้ก็จะถึงอกถึงใจกันมากขึ้น

 

แม้จะแรงกว่ากันไม่มาก แต่ต้องบอกเลยว่ารุ่น Plug-in Hybrid นี้ ประหยัดมากกว่ารุ่นเครื่องยนต์อย่างเดียวถึง 8 กิโลเมตรต่อลิตรเลยนะ (ในเวลาที่มีแบตเตอรี่เต็มเปี่ยม) เพราะ XC40 คันนี้ ความจุแบตเตอรี่ถ้าชาร์จเต็มก็จะสามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ถึง 44 กิโลเมตร และที่สำคัญตอนนี้รถยนต์เครื่องยนต์สันดาบล้วนของวอลโว่ในขณะนี้ไม่มีขายอีกแล้ว ดังนั้นก็ต้องขับรถแรง ๆ แต่ประหยัดกันไปก็แล้วกันเนอะ

 

 

 

ในความเป็นจริงก่อนที่จะลองขับ ก็มโนไปไกลว่าการหันมาใช้เครื่องยนต์ Plug-in Hybrid ของ XC40น่าจะแรงแบบหลังติดเบาะเยี่ยงรถสปอร์ตแบบ S60 T8 R-Design ซึ่งเป็นรถอีกรุ่นที่เรารู้สึกว่าได้ขับรถที่มีอัตราเร่งรุนแรงและรวดเร็ว เพราะมีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงต่ำกว่า 6 วินาที ในราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งถ้าเทียบกับรถที่ให้อัตราเร่งระดับนี้ ส่วนใหญ่จะเกิน 5 ล้านบาทไปแล้วทั้งนั้น

 

พอได้ขับจริงแม้อัตราเร่งจะอยู่ที่ 8.2 วินาที จะไม่ได้จี๊ดเหมือน S60 T8 แต่ก็สามารถฉีกหน้าคู่แข่งอย่าง BMW X1 และ GLA 200 คู่แข่งได้แบบไม่ใยดี เพราะในระหว่างที่ขับไปต่างจังหวัดนั้น ช่วงติดไฟแดงพร้อมกับ BMW X1 ป้ายแดงรุ่นใหม่ล่าสุดแล้ว ทั้งการออกตัว อัตราเร่งในทุกรอบความเร็ว ทิ้ง BMW X1 แบบยังไงก็ตามไม่ทัน (เว้นแต่ความเร็วเกิน 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไปแล้ว อาจจะมาทัน

 

แต่นั่นก็หมายความว่า BMW X1 ต้องเหนื่อยมากเลยนะ) ส่วน GLA 200 นั้นไม่ได้ทดสอบ แต่เท่าที่ดูจากเว็บอื่น ๆ ที่ได้ลองกันแล้ว ยังไงอัตราเร่ง Volvo XC40 Recharge T5 ก็ยืนหนึ่งแบบสบาย ๆ

 

 

มาถึงบรรทัดนี้คงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมการรีวิว Volvo XC40 Recharge T5 (Plug-in Hybrid) รุ่นนี้ถึงได้เน้นสมรรถนะเครื่องยนต์กันก่อน เพราะในรถคลาสนี้ ความหรูหรา ราคา มีความใกล้เคียงกัน ดังนั้นคนที่ชอบความแรงแบบสาแก่ใจในสไตล์เอสยูวี รับรองได้ว่าคอมแพ็คพรีเมียมจากวอลโว่นี้ไม่ทำให้ผิดหวัง แถมพ่วงความประหยัดมาให้แบบเหลือ ๆ เหยียบได้ไม่ต้องกังวลค่าน้ำมันกันเลย

 

รูปทรงภายนอกและห้องโดยสารไม่แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าเท่าใดนัก รูปร่างหน้าตามีความโฉบเฉี่ยวและมีเสน่ห์มากกว่าที่จะหรูหรา ระบบต่าง ๆ ภายในยังคงครบครันเหมือนเดิม เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง-หนังกลับ Nuback Fine Nappa Perforated Leather เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้าตามแบบฉบับรถหรู เบาะด้านหน้าใงคนขับมีเมโมรี่มาให้ ซึ่งจะจำการปรับกระจกข้างด้วย เช่นเดียวกับระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ควบคุมอิสระซ้าย-ขวา Dual Zone ระบบควบคุมคุณภาพอากาศภายในรถ Clean Zone

 

หน้าจอกลางเป็นระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 9 นิ้ว มีระบบ Sensus Connect พร้อมฟังก์ชั่นสั่งงานด้วยเสียงระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth รองรับ Apple Car Play / Andriod Auto และที่สำคัญคือมีระบบนำทาง Navigation System มาให้เลยไม่ต้องรอ ซึ่งหน้าจอนี้ก็แสดงผลได้หลากหลายรูปแบบ เข้าไปดูข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างมากมาย

 

 

ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่นี้จะทำให้เราเพลิดเพลินได้ไม่น้อยเลยเวลาใช้งาน ปรับและตั้งค่าการใช้งานได้เป็นอย่างดี อาจจะมีหงุดหงิดบ้างที่จะมีรอยนิ้วมือของเราปรากฏอยู่บนหน้าจอหลังใช้ ทำให้อาจจะต้องเช็ดกันบ่อยหน่อยเพื่อให้จอเงางามเหมือนเดิน นอกจากนี้ยังมี แท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย Wireless Charging และมียูเอสบี 2 ตำแหน่งให้แบ่งกันใช้งาน

 

ด้านหลังพวงมาลัยเป็นมาตรวัดแสดงผลแบบดิจิตอล ขนาด 12.3 นิ้ว ชัดเจนและแจ่มสมราคารถ ส่วนระบบเครื่องเสียงติดตั้ง Harman Kardon Amplifier 600 วัตต์ ลำโพง 13 ตำแหน่ง พร้อม SubWoofer ระบบเสียงรอบทิศทางแบบ Quantum Logic ซึ่งต้องบอกเลยว่าระบบเสียงแจ่มมากเลยทีเดียว

 

ด้วยการออกแบบรถเป็นรูปทรงรถออกแนวกล่องมน ๆ ทำให้ข้างในโปร่งโล่งสบาย การตกแต่งมีความสวยงามเพิ่มมากขึ้น ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยลาย Cutting Edge Decor มีไฟแอมเบี้ยนไลต์เพิ่มมาให้ แม้จะเปลี่ยนสีไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้รถไม่ดูจืดชืดเกินไปในยามค่ำคืน หัวเกียร์ให้มาแบบคริสตัล ในรุ่น INSCRIPTION โดยภาพรวมการตกแต่งของวอลโว่นั้นจะแต่จะเน้นความเก๋ แปลก มีความดูแพงแบบไม่ได้หรูหราแบบสุดขั้ว

 

 

เบาะนั่งคู่หน้านั่งสบาย ปรับได้ตามใจชอบ และเบาะรองนั่งสามารถยืดเพื่อให้รองรับต้นขาได้ดีมากขึ้น ส่วนเบาะหลังก็ยังอาจจะเป็นจุดด้อยสักนิด เพราะยังคงตั้งชันและต้องนั่งหลังตรงเหมือนรุ่นก่อนหน้า จริง ๆ อยากให้สามารถปรับเอนได้สักนิด เพื่อความสบายที่มากกว่านี้ แม้การซัพพอร์ตช่วงหลังจะทำได้ดี แต่มันก็ชันไป ยังไม่นับรวมตัวเบาะที่ค่อนข้างจะสั้นไปหน่อย

 

ด้านการขับขี่นั้นในรุ่นนี้ก็จะมีสวิตช์ไดร์ฟโหมด ที่จะเลือกได้ว่าจะขับโหมดไหน ไม่ว่าจะเป็น ไฟฟ้าล้วน ไฮบริด หรือเพาเวอร์โหมด รวมไปถึงยังมีอินดิวิดวลโหมดให้เลือกปรับได้ตามต้องการ และในส่วนของการปรับเปลี่ยนเกียร์นั้น ก็จะมีโหมดการขับขี่ “โหมด บี” สำหรับหน่วงเวลาขึ้นเขาลงเขา ตามประสารถไฮบริด

 

ด้านอัตราเร่งสร้างความสนุกมากกว่าเครื่องเดิม กระฉับกระเฉงกว่า จี๊ดจ๊าดดดกว่า แบบชัดเจน รวมถึงตอนเร่งแซง ก็ทำได้เป็นอย่างดี แม้จะต้องรอสักเสี้ยววินาทีในโหมดไฮบริด เหมือนสมองกลขอคิดนิดนึง ไม่ใช่กดแล้วพุ่งเลย จากนั้นก็พุ่งทยานไปได้อย่างรวดเร็วจนถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแบบเพียงอึดใจ แต่ถ้าใจมันร้อนไม่อยากรอก็ปรับเป็นเพาเวอร์โหมดทุกสิ่งอย่างจะมาตามเท่าสั่ง ขับสนุก เร่งได้ตามใจต้องการ

 

 

หันมามองด้านช่วงล่างกันบ้าง ในช่วงความเร็วต่ำ สามารถซับแรงสะเทือนได้พอประมาณ มีความนุ่มนวลให้ได้สัมผัส พอถึงช่วงความเร็วสูง นับว่าให้ความมั่นใจได้ดี มั่นใจได้ในทุกย่านความเร็ว เช่นเดียวกับการเข้าโค้งในความเร็วสูงก็สามารถทำได้ดีเช่นกัน อันนี้ไม่รู้ว่าเพราะมีแบตเตอรี่มาทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอีกหน่อยหรือเปล่า เลยทำให้รู้สึกว่ามั่นใจได้มากกว่าการขับรุ่นเดิม แต่ด้วยความที่ตัวรถสูงเวลาลมปะทะอย่างการวิ่งบนทางด่วนบูรพาวิถี หรือบนถนนที่มีลมมาประทะแรง ตัวรถก็จะมีอาการสั่น ๆ ให้พอได้สัมผัส

 

ด้านพวงมาลัยนั้นการตอบสนองพวงมาลัยถือว่าการตอบสนองดี คล่องแคล่ว แต่ก็สามารถเลือกปรับได้ 3 ระดับ ตั้งแต่เบาไปหาหนัก แต่ไม่ว่าจะเลือกยังไง ถ้าเบาก็คือเบามาก ๆ แต่ถ้าหนักสุดก็ไม่ได้หนักมากมาย แต่ถ้าหนักกว่านี้น่าจะรู้สึกดีกว่าเดิม น้ำหนักพวงมาลัย แต่ถ้าความเร็วสูงมาก ๆ ก็อยากให้หนักกว่านี้หน่อยจะเพิ่มความมั่นใจได้เพิ่มขึ้น

 

สิ่งที่ขัดอกขัดใจที่สุดคือการเบรค ที่แม้จะสามารถปรับได้ แต่ไม่ว่าจะเลือกแบบไหนก็ตาม ระยะเบรคก็ยังคงไม่ค่อยสมูทเท่าใดนัก เป็นข้อเสียอย่างหนึ่งที่อยากให้ปรับปรุงให้เป็นธรรมชาติมากกว่านี้หน่อย เพราะมันดูต้านเท้าและรู้สึกเบรคไม่ค่อยอยู่ เบรคเบาไปก็รู้สึกไม่อยู่ เบรคมากก็กลายเป็นหน้าทิ่ม แม้จะรู้ว่าสามารถเบรคเอาอยู่ก็ตาม ถ้าแก้ไขจุดนี้ให้เหมือนกับรถยนต์เครื่องสันดาบปกติจะ จะแจ่มแบบเหลือจุดด้อยน้อยลงไปอีก

 

 

Volvo XC40 Recharge T5 (Plug-in Hybrid) คันที่เราได้นำมาทดสอบกันนี้ ไม่ได้มีดีแค่อัตราเร่งและความประหยัดเท่านั้น เพราะเมื่อดูเทคโนโลยีที่ให้มากันแล้ว ก็ยังเรียกได้ว่าให้มาเหนือกว่าคู่แข่งอีกเช่นเคย ไม่ว่าจะเป็น หลังคากระจก Panoramic Sunroof เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ระบบช่วยขับขี่กึ่งอัตโนมัติ Pilot Assist กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา ระบบป้องกันเมื่อเกิดการวิ่งตกถนน Run-Off Protection ส่วนระบบความปลอดภัยอื่น ๆ ก็อาจจะมีที่คู่แข่งมีบ้าง แต่ยังไงวอลโว่ก็ให้มากกว่า

 

ในส่วนของออปชันอื่น ๆ นั้น วอลโว่ก็จัด ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว 7.5 x 19 นิ้ว 5-Double Spoke Matt Black Diamond Cut ยางขนาด 235/50 R19 ไฟหน้า LED ปรับองศาตามการเลี้ยวของพวงมาลัย, ไฟหน้า ปรับระดับสูง-ต่ำแบบอัตโนมัติ ระบบเปิด-ปิดไฟสูง พร้อมปรับมุมส่องสว่างอัตโนมัติ Active High Beam Control ฝาท้าย เปิด – ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า และเปิด – ปิด โดยไม่ต้องใช้มือ Hand-free Tailgate

 

ด้านระบบความปลอดภัยนั้น นอกจากจะมีแบบพื้น ๆ ที่คนอื่นก็มีแล้ว ยังมีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control, ฟังก์ชั่นหยุด / ออกตัวรถโดยอัตโนมัติ Queue Assist, ระบบปกป้องการบาดเจ็บของกระดูกต้นคอ และ หลัง Whiplash Protection System, ระบบกระจายแรงกระแทกจากการชนด้านข้าง Side Impact Protection System, ระบบป้องกันการชน City Safety พร้อมเซนเซอร์ตรวจจับรถ คนเดินถนน จักรยาน และ สัตว์ใหญ่ พร้อมฟังก์ชั่นหยุดรถอัตโนมัติ Full Auto Brake

 

ระบบป้องกันการชน Collision Avoidance & Mitigation Support, พร้อมฟังก์ชั่นหยุดรถอัตโนมัติ Auto Brake, ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา Blind Spot Information System, ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง Cross Traffic Alert พร้อมฟังก์ชั่นหยุดรถอัตโนมัติ Auto Brake, ระบบแจ้งเตือนเพื่อให้เว้นระยะห่างจากคันหน้า Distance Alert, ระบบควบคุมการโคลง Advanced Stability Control, ระบบควบคุม และ ป้องกันการโคลงของรถ Roll Stability Control, ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ (แบบขนาน-เข้าซอง) Park Assist Pilot

 

 

 

Volvo XC40 Recharge T5 (Plug-in Hybrid) เป็นรถพรีเมียมคอมแพ็คเอสยูวีที่ครบเครื่องที่สุดแล้วในตลาด กับราคา 2,390,000 บาท ซึ่งถ้าเทียบราคาแล้ว วอลโว่จัดเต็มออปชันมาให้แบบเกินหน้าเกินตาคู่แข่งไปมาก ยังไม่นับรวมเครื่องยนต์ที่แรงที่สุดและประหยัดที่สุดอีกด้วย กลายเป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามเลย ถ้าจะต้องเลือกขับเอสยูวีขนาดพอดี ๆ หรู ๆ สักคัน คราวนี้ก็อยู่ที่ว่าจะชอบรูปร่างหน้าตากันมากน้อยแค่ไหน ซึ่งก็เป็นเรื่องของรสนิยมแต่ละคน อันนี้ Techmoveon เลือกให้ไม่ได้จริง ๆ

 

มีจุดเด่นมากมาย ก็ต้องมีจุดด้อยกันบ้าง สำหรับใครที่ชอบความหรูหราแบบโครเมียม หรือความหรูแบบเกินต้านวอลโว่อาจจะให้ในจุดนั้นไม่ได้ แต่ถ้าใครต้องการความหรูแบบโฉบเฉี่ยว ดูดี ดูแพงและเป็นเอกลักษณ์ XC40 คันนี้ก็มีดีไซน์ที่ดูเท่าไรก็ไม่เบื่อ ติดอยู่ตรงที่เบรคไม่ค่อยจะมีความเป็นธรรมชาติเท่าที่ควร กับการโดยสารด้านหลังที่ยังไม่ค่อยสบายนัก

 

หากไม่นับรุ่น EV 100% ตอนนี้ XC40 จะเหลือเพียงรุ่น T5 Recharge ขุมพลังเบนซิน Hybrid และรุ่น Pure Electric เสียบปลั๊กชาร์จไฟได้ ซึ่งมีข้อดีตรงที่สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าเพียวๆ ได้ เหมาะสำหรับคนที่ใช้งานในเมืองเป็นหลัง ขับไป-กลับ ระหว่างบ้านถึงที่ทำงานโดยไม่ต้องใช้น้ำมัน ภายในห้องโดยสารมาพร้อมเบาะคู่หน้าที่แม้จะดูบอบบางแต่นั่งสบายเอาเรื่อง มีข้าวของอ็อพชั่นมาครบครัน ในราคาที่ไม่แพงจนเกินเหตุ

 

Scroll to Top