รีวิวสัมผัสแรก ORA 07 ความลงตัวของการดีไซน์และวัสดุสุดเนี๊ยบ

Spread the love

 

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้ชวน Techmoveon ให้ไปสัมผัสกับ ORA 07 หรือชื่อที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีกับ “ORA GRAND CAT” ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าทำไมถึงได้เปลี่ยนชื่อเมื่อเข้ามาทำตลาดในไทย แต่พอได้สัมผัสกับภายนอกและภายในแล้วก็พอเข้าใจได้ว่าทำไมถึงใช้ชื่อว่า ORA 07

 

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ชูคอนเซ็ปต์ความงามแห่งธรรมชาติให้กับ ORA 07 และเตรียมที่จะนำเสนอสู่ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทยในเดือนพฤศจิกายนนี้

 

 

การดีไซน์ของ ORA 07 อาจจะไปละม้ายคล้ายกับรถยนต์ลักชัวรี่ในหลาย ๆ รุ่น แต่พอได้สัมผัสกับตัวจริงรอบคันแล้วต้องบอกว่า ทุกอย่างดูลงตัวไปหมด กลมกลืนและมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ โดยที่ชอบมากคือ ไฟหน้า Intelligent LED ทรงกลมแบบเรโทร ที่ต้องบอกเลยว่าสวยมาก และเด่นมาก สะดุดตาจนต้องหยุดมองและพิจารณารายละเอียดเลยทีเดียว

 

ไฟคู่หน้านี้โดดเด่นทั้งในเรื่องให้ความสว่างและความปลอดภัยด้วยระบบอัจฉริยะ อาทิ ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ และฟังก์ชันหน่วงเวลาไฟส่องทางหลังดับเครื่อง (Follow Me Home) พร้อม Daytime Running Light และไฟตัดหมอกด้านหน้าแบบ LED

 

 

รวมไปถึงไฟท้ายที่แม้จะดูเหมือนรถหรูแบรนด์หนึ่ง แต่ก็นับว่าดีไซน์ได้ลงตัวและไม่ขัดหูขัดตาเลยเมื่อมองตลอดทั้งคัน ด้านหลังยังเด่นด้วยสปอยเลอร์ไฟฟ้าที่มาจากการออกแบบของรถสปอร์ต มาพร้อมฟังก์ชันเปิด-ปิดอัตโนมัติที่สามารถตั้งให้เปิดเมื่อปลดล็อกรถ หรือเมื่อความเร็วถึง 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

 

มิติตัวรถ ORA 07 นั้นมีขนาด 1,862 x 4,871 x 1,500 มิลลิเมตร (กว้าง x ยาว x สูง) ระยะฐานล้อ 2,870 มิลลิเมตร ระยะความสูงใต้ท้องรถ (Ground Clearance) 125 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 2,115 กิโลกรัม

 

เมื่อมองถึงขนาดตัวรถแล้วทำให้หลายคนอาจจะมองว่าเป็นคู่แข่งของ BYD SEAL แต่โดยส่วนตัวกลับมองว่าไม่ใช่คู่แข่งกันแม้จะมีขนาดใกล้เคียงกัน เพราะดีไซน์ของตัวรถทั้งสองคัน แตกต่างกันอย่างชัดเจน คนที่ชอบการดีไซน์ของ BYD SEAL ก็จะอาจจะไม่ได้ชอบการดีไซน์ของ ORA 07 ไม่ว่าจะเป็นทั้งภายนอกและภายใน

 

เพราะในส่วนของภายในเอง ORA 07 ก็จะออกแนวหรู สปอร์ตแบบเรโทรย้อนยุคสักหน่อย ส่วน BYD SEAL นั้นจะให้ความเป็นสปอร์ตที่พริ้วกระชับกว่า ดูออกแนววัยรุ่นทรงทันสมัยมากกว่าวัยทำงานแบบผู้ใหญ่ขึ้นมาหน่อยอย่าง ORA 07

 

แน่นอนว่า รถนิยมการซื้อรถทั้ง 2 คันนี้จะเหมือนรสนิยมในการแต่งกายของคนแต่ละคน ที่มีความชอบไม่เหมือนกัน ดังนั้นทั้งคู่จึงเป็นเพียงแค่คู่แข่งในเซ็กเมนต์ แต่ในความเป็นจริงอยู่ที่ความชอบและรสนิยมของลูกค้ามากกว่า และถ้าเดาไม่ผิด เกรทวอลล์มอเตอร์ อาจจะวางตำแหน่งของ ORA 07 ไว้สูงกว่า BYD SEAL เล็กน้อย

 

จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งที่ชอบคือหลังคาแก้วแบบพาโรนามิคขนาดใหญ่ (Panoramic Glass Roof) ตั้งแต่ด้านหน้าจรดท้าย ที่เกรทวอลมอเตอร์บอกว่าเป็นวัสดุช่วยเก็บเสียง โดยตัวหลังคาที่เป็นกระจกยังช่วยลดแสงและความร้อน ซึ่งยังไม่ได้ทดลองขับก็เลยไม่รู้

 

แต่เรื่องช่วยให้ภายในห้องโดยสารดูโปร่งและกว้างขวางมากขึ้น ซึ่งเมื่อลองเข้าไปนั่งด้านหลังจริง ๆ ก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน ได้อารมณ์ความหรูไม่ต่างจากรถพรีเมียมยุโรปเลยทีเดียว

 

 

เกรทวอลล์มอเตอร์บอกว่า การออกแบบภายนอกของ ORA 07 มาด้วยรูปร่างซูเปอร์สตรีมไลน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการไหลของน้ำตามปรากฏการณ์ธรรมชาติ “การไหลแบบลามินาร์” ซึ่งสายน้ำจะโอบอุ้มบรรดาก้อนกรวดหินด้วยความอ่อนโยนและนุ่มนวลแทนที่จะปะทะเข้าอย่างจัง ลายเส้นโค้งพลิ้วไหวที่รวมกับความอิสระและความสมบูรณ์ที่มี

 

ดีไซน์ด้านหน้าของตัวรถถูกออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ของรถซูเปอร์คาร์เพื่อเพิ่มแรงกด ด้วยกระจังหน้าที่ถูกออกแบบตามความแวววับบนผิวน้ำยามแสงแดดตกกระทบลงมา รับฝากระโปรงหน้าทรงหยดน้ำที่เว้าลงและนูนขึ้นทั้งสองด้าน ในขณะที่ดีไซน์ด้านข้างได้รับการออกแบบให้หน้าต่างด้านข้างโค้งสูง มีเส้นโดยรอบทั้งคัน

 

เสริมความหรูหราและความสปอร์ตเร้าใจ มาพร้อมหน้าต่างไร้กรอบที่เป็นกระจกแบบ 2 ชั้น เพื่อช่วยในเรื่องการซับเสียง โดยจะเลื่อนลงเมื่อเปิดประตูและเลื่อนปิดโดยอัตโนมัติเมื่อปิดประตู

 

 

ดีไซน์ด้านหลังของรถถูกออกแบบด้วยดีไซน์ Slip-Back ให้ตัวรถมีความสปอร์ตมากขึ้น ด้วยรูปทรงที่ดูเพรียวบางจะช่วยลดแรงต้านลมและช่วยเสริมสมรรถนะของรถยนต์ ชุดล้อที่ยื่นออกมาเสริมให้ตัวรถดูหรูหราและมีมิติมากยิ่งขึ้น เพิ่มความรู้สึกแข็งแกร่ง

 

สปอยเลอร์ไฟฟ้านี้ผสานกับรูปทรงด้านหลังที่โค้งมนอย่างลงตัว ให้ความรู้สึกของเทคโนโลยีอันล้ำสมัย แต่ยังคงความอ่อนเยาว์ไว้ได้อย่างพอดี เสริมความหรูหราและความสปอร์ตด้วยไฟท้ายรูปทรงวงรีแบบ LED

 

การตกแต่งภายในเป็นแบบเรโทรที่แฝงความลักซ์ชัวรี รูปทรงผสมผสานระหว่างเส้นโค้งและเหลี่ยมมุมได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยห้องโดยสารที่ให้ความรู้สึกแบบซุปเปอร์คาร์ มาพร้อมกับคอนโซลกลางรูปตัว T พร้อมฟังก์ชันควบคุมการขับขี่ที่ช่วยให้การปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ทั้ง 6 โหมดเป็นไปอย่างง่ายดาย

 

ได้แก่ โหมดประหยัด โหมด WELL BEING โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดสปอร์ตพลัส และโหมดส่วนบุคคล ใส่ใจทุกรายละเอียดด้วยวัสดุสีเงิน ดำ และน้ำตาล (Silver, Black, Brown)

 

 

ลำโพง Infinity คุณภาพสูง 11 ตัว ที่พร้อมมอบความบันเทิงอย่างเต็มรูปแบบร่วมกับระบบแอมพลิฟายเออร์อิสระ และระบบปรับระดับเสียงอัตโนมัติตามความเร็วรถ ฟังก์ชันไฟตกแต่งห้องโดยสารแบบหลากสีและเป็นจังหวะ เพื่อสร้างบรรยากาศภายในให้เพลิดเพลิน

 

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อม PM2.5 filter และระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย เพื่อช่วยให้การชาร์จโทรศัพท์มือถือเป็นไปได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว

 

เบาะนั่งไฟฟ้าคู่หน้า ระบบเบาะนวดไฟฟ้า ระบบดันหลังปรับด้วยไฟฟ้า ระบบระบายอากาศ และเบาะหนังพร้อมผิวสัมผัสแบบปุ่มเหมือนคีย์เปียโนที่ช่วยโอบอุ้มร่างกายของทั้งผู้ขับและผู้โดยสารให้ได้รับสะดวกสบายและความอบอุ่นอย่างเต็มที่ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง มีระบบ Memory Seat และระบบ Welcome Seat เพิ่มความสะดวกในการขึ้น-ลงรถ เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับแบบไฟฟ้าได้ 4 ทิศทาง

 

เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 มีที่พักแขนตอนกลาง และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง พร้อมช่องเสียบ USB A และ USB C จัดเต็มด้วยพื้นที่ห้องโดยสารอเนกประสงค์ที่มีพื้นที่จัดเก็บของมากมาย ทั้งกล่องใส่แว่นตาที่อยู่บนเพดานด้านหน้า บริเวณแผงคอนโซลกลางที่สามารถใส่ของใช้ส่วนตัว พร้อมกับที่วางแก้วน้ำ

 

 

บริเวณด้านข้างประตูที่มีช่องเก็บของสำหรับวางขวดน้ำ ร่ม และสิ่งของอื่น ๆ ในขณะที่ด้านหลังเบาะนั่งด้านหน้ามีกระเป๋าเก็บของ มอบความสะดวกสำหรับผู้โดยสารในการเก็บของและง่ายต่อการหยิบใช้ ยิ่งไปกว่านั้น เบาะผู้โดยสารด้านหลังสามารถพับเบาะแยกได้แบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่และความสะดวกในการใช้สอยตามอเนกประสงค์ได้อีกด้วย

 

หน้าจอกลางอัจฉริยะแบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว ซึ่งรองรับความบันเทิงได้ทั้ง Apple CarPlay, Android Auto, MP5, Bluetooth, ระบบนำทาง, และแสดงข้อมูลการขับขี่ โดยหน้าจอกลางอัจฉริยะนี้สามารถเชื่อมต่อกับหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัลขนาด 10.25 นิ้ว

 

และหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกด้านหน้า (Head-up display) เพื่อเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัยและง่ายดาย อีกทั้งรถยนต์รุ่นนี้ยังช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้กับผู้ขับขี่ด้วยพวงมาลัยปรับแบบไฟฟ้า 4 ทิศทาง พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงและสวิตช์ควบคุมจอแสดงข้อมูลการขับขี่

 

เกียร์อัตโนมัติแบบ Electronic Shifter ชุดเกียร์ไฟฟ้าด้านหลังพวงมาลัย และระบบ Intelligent Quick Start System ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้พร้อมออกเดินทางได้ทันทีเมื่อขึ้นมานั่งที่เบาะคนขับและเหยียบเบรก

 

ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สัน และระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงก์ที่ให้การขับขี่ที่ยึดเกาะถนนและนั่งสบายทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เพื่อตอบสนองการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมือง ตอบโจทย์ความต้องการของทุกคนในครอบครัว

 

 

ORA 07 มาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว พร้อมยางขนาด 235/45 โดยล้ออัลลอยมีการออกแบบมีลักษณะคล้ายอุ้งเท้าแมว ยกระดับภาพลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร

 

นอกเหนือจากการออกแบบที่ลงตัวแล้ว ORA 07 ยังใช้วัสดุที่มีความแข็งแรงสูงถึง 77.6% ของส่วนประกอบทั้งหมด ได้แก่ เหล็กที่มีความแข็งแรงสูง 30.6% เหล็กที่มีความแข็งแรงสูงพิเศษ 29.4% และเหล็กขึ้นรูปร้อน 17.6% โดยการใช้งานโครงสร้างของเหล็กขึ้นรูปร้อนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับพื้นที่ส่วนสำคัญของยานพาหนะ

 

เช่น เสา A เสา B ธรณีประตู คานด้านบน ช่องตรงกลาง และแผงหลังคา โดยในพื้นที่สำคัญเหล่านี้ เหล็กขึ้นรูปร้อนขั้นสูง 2000MPa จะถูกนำมาใช้สำหรับเสา A และ B ซึ่งภายในของเสา B จะรวมเอาวัสดุคอมโพสิตที่เสริมด้วยไฟเบอร์เข้าไว้ด้วยกัน

 

ช่วยให้ผู้ใช้งานรูสึกมั่นใจในความแข็งแกร่ง และประสิทธิภาพการโค้งงอที่ยอดเยี่ยม พร้อมปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสารจากการกระแทกจากด้านหน้า ด้านข้าง และหลังคาได้อย่างไร้กังวล

 

ORA 07 มาพร้อมกับ 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น LONG RANGE และรุ่น PERFORMANCE โดยมีเฉดสีรถภายนอกทั้งหมด 3 เฉดสี ได้แก่ สีขาว สีเทา และสีพิเศษ ม่วง (เฉพาะรุ่น PERFORMANCE) และเฉดสีรถภายในทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ และสีน้ำตาล (เฉพาะสีเทาและสีม่วงในรุ่น PERFORMANCE)

 

ORA 07 พร้อมให้ยลโฉมและสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ยานยนต์ไฟฟ้าได้ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.gwm.co.th แอปพลิเคชัน GWM และช่องทางโซเชียลมีเดีย Facebook, YouTube และ TikTok ของ GWM Thailand และ GWM ORA Thailand

 

Scroll to Top