เรเว่ ออโตโมทีฟ ได้เชื้อเชิญ Techmoveon และสื่อมวลชนสายรถยนต์ชั้นนำกว่า 120 ชีวิต ไปร่วมกิจกรรมทดสอบรถยนต์บีวายดี ซีล (BYD SEAL) จำนวน 3 รุ่นย่อย รวม 30 คัน มุ่งหน้าสู่เขาใหญ่ แบบ one day trip ภายใต้เส้นทางการขับขี่จริง ครอบคลุมระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร
ครั้งแรกที่เห็น BYD SEAL บอกเลยว่าชอบมาก เพราะดีไซนได้สวยงามและลงตัว แม้จะติดดีไซน์ด้านหน้านิดหน่อย แต่โดยภาพรวม Techmoveon ก็ขอยกให้รถไฟฟ้าคันนี้คือซีดานที่สวยที่สุดในโลกไปแล้วในตอนนี้
ในเวอร์ชันแรกที่นำเข้าจากจีนด้วยดีไซน์ด้านในจะมาในโทนสว่าง แต่สำหรับเวอร์ชันไทยก็มาในสีที่คมเข้ม เหมาะสมกับสภาพอากาศที่ดูแล้วว่าเป็นสีที่ไม่เลอะง่าย ดูขรึมดีไปอีกแบบ ส่วนการตกแต่งอื่น ๆ ก็เหมือนกับเวอร์ชันจีนก่อนหน้านี้ มีแค่หลังคากระจกเท่านั้นที่เคลือบซิลเวอร์เพลทกันร้อนมา แต่ก็ทำให้มันดูไม่โปร่งเท่าไร จริง ๆ อยากได้แบบใส ๆ แล้วมาติดฟิล์มเพิ่มเองมากกว่า แต่อันนี้ก็แล้วแต่คนชอบนะ
BYD SEAL แบ่งเป็น 3 รุ่นย่อยคือ Dynamic, Premium และ AWD Performance ซึ่งออปชั่นต่าง ๆ จะมีคล้ายๆ กันแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นด้านองค์ประกอบในการขับเคลื่อน เพราะออปชันอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยนั้น ซื้อรุ่นไหนก็ได้พอ ๆ กัน เรียกได้ว่างานนี้จัดให้แบบเต็ม ๆ กันเลยทีเดียว
สิ่งที่ทุกคันมีเหมือนกันคือ การปลดล็อคได้อย่างง่ายดายผ่านคีย์เลส มือเปิดประตูแบบซ่อนจะเลื่อนออกมาให้ดึงประตูเปิด ห้องโดยสารวัสดุหนังสีดำในทุกรุ่น เมื่อเปิดประตูฝั่งคนขับสิ่งแรกที่จะได้สัมผัสคือ Welcome seat ที่เบาะจะเลื่อนออกอัตโนมัติเพื่อให้ผู้ขับขี่ได้เข้าและออกได้อย่างคล่องตัว แต่ออปชันนี้รุ่น Dynamic จะไม่มีมาให้นะ
เริ่มที่รุ่นแรกกับรุ่น Dynamic นั้นจะมาพร้อม BYD Blade Battery ความจุแบตเตอรี่ 61.44 กิโลวัตต์ ให้ระยะทางวิ่ง 510 กิโลเมตร ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง มีพลังมอเตอร์อยู่ที่ 150 แรงม้า และแรงบิด 310 นิวตันเมตร ซึ่งเท่าที่สัมผัสมาก็ให้สมรรถนะที่ดี แรงสั่งได้ตามประสารถไฟฟ้า ซึ่งบีวายดีเคลมว่าอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรอยู่ที่ 7.5 วินาที ถ้าขับกันจริง ๆ ก็ทำได้นะ
เบาะนั่งก็สบายทุกตำแหน่งที่นั่ง เพราะไฟฟ้าฝั่งคนขับปรับได้ 8 ทิศทาง ส่วนฝั่งคนนั่งปรับได้ 6 ทิศทาง ส่วนออปชันที่ไม่มีเหมือนรุ่นอื่นก็อย่างเช่น ระบบแสดงผลบนกระจกหน้า (W-HUD) กระจกมองข้างปรับองศาอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง ระบบบันทึกตําแหน่งกระจกมองข้าง พวงมาลัยแบบหุ้มหนังแท้ เบาะนั่งแบบหุ้มหนังแท้
ระบบจดจําตําแหน่งที่นั่งเบาะคนขับ และระบบชาร์จ DC แบบ CCS 2 (150kW) ระบบล็อกประตูป้องกันเด็กไฟฟ้า ระบบควบคุมแรงบิดอัจฉริยะ (iTAC) นอกนั้นอะไรที่รุ่นอื่นมี DYNAMIC ก็มีไม่ต่างกัน มีให้เลือก 2 สีเท่านั้นคือ ขาวและดำ มาพร้อมราคา 1,325,000 บาท
รุ่นต่อมาคือ Premium ซึ่งเป็นรุ่นที่ Techmoveon ชอบที่สุด เพราะถึงแม้จะไม่ได้แรงล้นพลังเหลือ ๆ แบบซูเปอร์คาร์อย่าง AWD PERFOMANCE แต่ก็มีพิสัยการวิ่งที่ไกลกว่าเพื่อน โดยมีความจุแบตเตอรี่ถึง 82.56 กิโลวัตต์ ให้ระยะทางวิ่ง 650 กิโลเมตร ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง มีพลังมอเตอร์เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 230 แรงม้า และแรงบิด 360 นิวตันเมตร
สำหรับการขับจริงต้องบอกเลยว่าให้อัตราเร่งที่จี๊ดจ๊าดกว่า DYNAMIC ความรู้สึกนิ่งกว่าอาจจะเพราะว่าแบตใหญ่กว่าทำให้มีน้ำหนักมากกว่า เนื่องจากช่วงล่างทุกอย่างเหมือนกันทั้งหมด ซึ่งจุดเด่นของรุ่นนี้คือกินแบตน้อยมาก เรียกได้ว่าถ้าขับกันปกติมีเกิน 500 กิโลเมตรแน่นอน ขับเนียนๆ อาจจะได้ 550 กิโลเมตร ไว้วันไหนได้มาลองขับแบบไกล ๆ แล้วจะมาเล่าให้ฟังอีกที
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรอยู่ที่ 5.9 วินาที มีสีให้เลือก 3 สี คือ ขาว, ดำและเทา ส่วนราคาก็ตั้งไว้ที่ 1,449,000 บาท นับว่าเป็นราคาที่คุ้มมาก เพราะได้ออปชันเพิ่มมาจากรุ่น DYNAMIC อีกหลายสิ่งไม่ว่าจะเป็น ดิสก์เบรกระบายความร้อน + รูระบาย ระบบชาร์จ DC แบบ CCS 2 (150kW) ระบบแสดงผลบนกระจกหน้า (W-HUD) กระจกมองข้างปรับองศาอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง ระบบบันทึกตําแหน่งกระจกมองข้าง
พวงมาลัยแบบหุ้มหนังแท้ ระบบพนักพิงดันหลังเบาะคนขับปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง เบาะนั่งคนขับเลื่อนอัตโนมัติเมื่อสตาร์ทและดับรถยนต์ ล้อและยางขนาด 235/45 ขนาด19 นิ้ว ซึ่งในรุ่น DYNAMIC นั้นจะเป็นแม็กขอบ 18
ทางด้านการขับขี่นั้นอัตราเร่งดีขึ้นจากรุ่น DYNAMIC แต่ช่วงล่างและสิ่งต่าง ๆ เหมือนกัน ซึ่งหากคนที่ชอบนุ่มแน่นน่าจะชอบช่วงล่างแบบนี้ แต่สำหรับ Techmoveon นั้นอยากได้ช่วงล่างที่แข็งและกระชับแบบรุ่น AWD PERFOMANCE มากกว่า ซึ่งจะดีมากเลยถ้าบีวายดีมีออปชันโช้คอัพให้เลือกจ่ายเงินเพิ่ม น่าจะมีสายซิ่งเปลี่ยนกันเยอะเลย
แต่ก็ไม่ใช่ของเดิมจะไม่ดีนะ เพราะระบบกันสะเทือนหน้า ปีกนกคู่ (Double Wishbone) ระบบกันสะเทือนหลัง มัลติลิงค์ (Five-Link) ก็ให้ประสิทธิภาพการทรงตัวย่านความเร็วสูงระดับ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้นโช้คอัพที่ให้มาก็ยังให้ความมั่นใจได้ดีเลยทีเดียว เช่นเดียวกับความรู้สึกของการนั่งข้างหลังที่นั่งสบาย ทั้งตัวเบาะและการเซ็ตช่วงล่าง สบายดีไม่มีเวียนหัว
มาถึงรุ่นแรงสุดอย่าง AWD PERFOMANCE ที่เปิดราคามาที่ 1,599,000 บาท จุดเด่นอยู่ที่อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรอยู่ที่ 3.8 วินาที ซึ่งหลาย ๆ สื่อที่ทดสอบก็บอกว่าทำได้จริง เรียกได้ว่างานนี้ซูเปอร์คาร์มีหนาว และที่สำคัญไม่ใช่เฉพาะความแรงเท่านั้นเพราะสำหรับรุ่นนี้ยังการทำงานกับโช๊คอัพปรับอัตโนมัติตามความเร็วแบบ Frequency Selective Damping (FSD)
โดยจะทำการควบคุมปริมาณน้ำมันไฮดรอลิกที่ฉีดเข้าไปในกระบอกสูบโช้คอัพผ่านวาล์ว FSD จึงปรับความนุ่มนวลและความแข็งของโช้คอัพได้โดยอัตโนมัติ การปรับเปลี่ยนแบบแปรผันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับกับการทำงานของมอเตอร์ขับเคลื่อนที่มีมาให้ทั้ง 4 ล้อ โดย 2 ล้อคู่หน้ามีพละกำลัง 160 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร ส่วน 2 ล้อหลังมาพร้อม 230 แรงม้า และแรงบิด 360 นิวตันเมตร
เมื่อรวมพละกำลังทั้ง 4 ล้อ จะมีแรงม้าสูงสุดที่ 390 แรงม้า และแรงบิดมหาศาลที่ 670 นิวตันเมตร กับแบตเตอรี่ 82.56 กิโลวัตต์ ดังนั้นสมรรถนะไม่ต้องห่วง กดคันเร่งเมื่อไรพลังพร้อมมารับใช้อย่างเต็มที่ แม้ในการทดลองขับครั้งนี้เราจะไม่ได้ขับในโหมดสปอร์ต เพราะแค่ขับในโหมดปกติ พลังก็เกินกว่าที่ช่วงล่างและถนนเมืองไทยจะรับได้แล้ว
ด้วยความที่เราทดสอบในตอนเย็นและมีการจราจรที่หนาแน่น ดังนั้นการเปิดแค่โหมดปกติก็เพียงพอแล้ว แค่นี้ก็เป็นเร็วที่สุดบนท้องถนนแล้ว ยกเว้นจะไปเจอกับไฮเปอร์คาร์ก็อาจจะต้องยอมหน่อย แต่ทั้งนี้ต้องเตือนกันสำหรับคนที่จะซื้อรุ่นนี้ว่า ต้องมีสติในการควบคุมรถ มีทักษะในการขับ เพราะพลังมาแรงและเร็วมากๆ และจะให้ดีกว่านี้คือไปเซ็ตช่วงล่างใหม่ เปลี่ยนยางใหม่ เพื่อให้ความมั่นใจมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
ในรุ่นนี้จะมีออปชันที่แน่นกว่า 2 รุ่นที่กล่าวมาก โดยจะเพิ่ม ระบบล็อกประตูป้องกันเด็กแบบไฟฟ้า ระบบควบคุมแรงบิดอัจฉริยะ (iTAC) และแม้จะมีความจุแบตเตอรี่เท่ากับรุ่น Premium แต่ด้วยความที่มีมอเตอร์เพิ่มขึ้นมา และรีดพลังได้เร็วทำให้รุ่นนี้มีระยะทางวิ่งอยู่ที่ 580 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง แต่สำหรับคนเท้าหนักรับรองว่าต้องชาร์จกันเร็วกว่าเดิมแน่นอน
โดยในรุ่น AWD PERFOMANCE จะสามารถเลือกได้ทุกสีที่มี และเพิ่มขึ้นมาคือสี ฟ้า ที่เรียกได้ว่ามองก็รู้เลยว่าเป็นรุ่นนี้เพราะเป็นสีที่มีเฉพาะรุ่นนี้เท่านั้น
ขณะนี้ บีวายดี ซีล พร้อมให้จองแล้วที่โชว์รูมบีวายดีทั่วประเทศ มากกว่า 65 โชว์รูม โดยมีรถส่งมอบให้กับลูกค้าทันที 1,782 คันในเดือนกันยายน 2,952 คันในเดือนตุลาคม รวมส่งมอบภายในสิ้นเดือนตุลาคม 4,734 คัน
BYD SEAL มาพร้อมการรับประกัน และ บริการหลังการขาย Rever Care มูลค่ารวม 230,000 บาท ดังนี้ รับประกันคุณภาพตัวรถ Warranty นาน 8 ปี 160,000 km., รับประกันแบตเตอรี่ นาน 8 ปี หรือ 160,000 km., ฟรี ค่าบำรุงรักษา ค่าแรง ค่าอะไหล่ นาน 8 ปี หรือ 160,000 km., ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง นาน 8 ปี
ฟรี Home Charger ยี่ห้อ ABB พร้อมค่าติดตั้ง, ฟรี สายพ่วงต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอก VTOL, ฟรี สายชาร์จฉุกเฉิน AC Portable Charger, ฟรี ค่าจดทะเบียน, ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พรบ. นาน 1 ปี (ทิพยะ, ซันเดย์, นวกิจ, แอลเอ็มจี, เมืองไทย, กรุงเทพ) ดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% นาน 48 เดือน (กสิกร, กรุงศรี, ไทยพาณิชย์)