บีวายดีเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยช่วงเดือนพฤศจิกายน ด้วยการเปิดตัว BYD ATTO 3 เพียงรุ่นเดียว แต่สามารถกวาดยอดขายได้ถึง 10,000 คัน ภายในระยะเวลาไม่ถึง 3 เดือน ย่อมแสดงให้เห็นว่าน้องใหม่รายนี้ไม่ธรรมดา
บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์ BYD ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ผู้นำพาแบรนด์ BYD เข้ามาทำตลาดในเมืองไทย จึงได้ชวนสื่อมวลชนไปดูโรงงาน บีวายดี สำนักงานใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเมืองเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีนเพื่อให้รู้ที่มาที่ไปกัน
ประวัติโดยสังเขปของ BYD Co. Ltd. (Build Your Dreams) ก่อตั้งขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2538 โดย Wang Chuanfu มีบริษัทย่อยหลัก 2 แห่ง ได้แก่ BYD Auto และ BYD Electronic โดยในส่วนที่เราไปเดินชมกันนี้เป็นในส่วนของ BYD Auto
นาย หลิว เสวียเลี่ยง (刘学亮 ) (Liu Xueliang) ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท BYD Auto Industry Company Limited เล่าให้ฟังว่า BYD เริ่มนำแท็กซี่ไฟฟ้าเข้ามาในเมืองไทย รวมทั้งได้นำเสนอรถยนต์เชิงพาณิชย์ โฟล์คลิฟต์ไฟฟ้าเข้าไปทำตลาดในเมืองไทย และได้มีการทดลองหลายรูปแบบมาสักระยะเวลาหนึ่งแล้ว
โดยได้ทดลองผลิตภัณฑ์กับทุกสภาพอากาศตลอดทั้งปี อย่างเช่น แท็กซี่ต้องใช้งานกับความร้อน 24 ชั่วโมง ในสภาพอากาศต่างๆ รวมไปถึงฝนตกน้ำท่วม ซึ่งทุกอย่างได้รับการทดสอบจริงทั้งหมด ทำให้เรามั่นในในผลิตภัณฑ์ของบีวายดี
“10 ปีที่เราเข้าสู่เมืองไทย และพูดคุยกับพาร์ทเนอร์ ทำงานร่วมกันทำให้เรารู้ว่าเราพร้อมแล้วที่จะบุกตลาดในเมืองไทย ประกอบกับเมืองไทยถือว่าเป็นประเทศที่มีการผลิตรถยนต์นั่งอันดับหนึ่งของภูมิภาคเราจึงให้ความสนใจและให้ความสำคัญกับนโยบายรัฐบาลของไทย เน้นนโยบายอะไรเราพร้อมที่จะตอบสนองทั้งหมด”
นาย หลิว กล่าวว่า การทำตลาดไทยแล้วประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นสิ่งที่เรามองอยู่แล้ว ซึ่งโรงงานแห่งแรกของไทยนอกเมืองจีนก็ตั้งอยู่ในเขตอีอีซีของเมืองไทย ดังนั้นการจะการนำเสนอผลิตภัณฑ์สู่เมืองไทยเรามองเรื่องการประสบความสำเร็จ และมองไปถึงอนาคตว่า ทุกคนควรจะมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมสีเขียว สังคมรถไฟฟ้า
การเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ในครั้งนี้เราก็ได้ชมกับสิ่งต่าง ๆ ที่ BYD พัฒนาขึ้นมา ซึ่งรวมถึงการไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตซึ่งอยู่อีกเมืองหนึ่ง การการทดสอบการชนแบบเห็นกันต่อหน้าต่อตา ให้รู้กันไปเลยว่ารถจีนก็ให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยไม่แพ้ใคร และที่สำคัญคือรถที่นำมาชนนั้นเป็นกระบะรุ่นใหม่ที่เตรียมเปิดตัว แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้อนุญาตให้เราถ่ายรูป
ความยิ่งใหญ่ของ BYD นั้นมีอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการก่อตั้งนิคมอุตสาหกรรมกว่า 30 แห่งทั่วโลก และมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ พลังงานใหม่ และการขนส่งทางรถไฟ ตั้งแต่การผลิตและกักเก็บพลังงานไปจนถึงการใช้งาน เน้นการจัดหาโซลูชั่นด้านพลังงานที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์
BYD จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและเซินเจิ้น โดยมีรายได้และมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเกินกว่า 100 พันล้านหยวน ปัจจุบัน แบตเตอรี่รถยนต์ของ BYD ถูกใช้ในรถยนต์มากกว่า 40 รุ่น รวมถึงรถยนต์โดยสาร รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ และรถยนต์เฉพาะทาง
นอกจากนี้ BYD มีระบบที่สมบูรณ์สำหรับการพัฒนาและผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ รวมถึงการสำรวจแร่ การพัฒนากระบวนการ และการพัฒนาและการผลิตวัสดุ เซลล์ MBS โมดูลและชุดแบตเตอรี่ การใช้ประโยชน์และการรีไซเคิล เรียได้ว่าครอบคลุมทั้งซัพพลายเชนกันเลยทีดียว
แน่นอนว่าการมาเยี่ยมชม BYD ครั้งนี้ ย่อมต้องได้เห็นเทคโนโลยีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง หรือแม้แต่รถยนต์ต้นแบบสุดสวยที่จอดให้เชยชมอยู่ แถมยังมีการทำสอบแบตเตอรี่ให้เห็นถึงความมั่นใจด้านความปลอดภัย เรียกได้ว่าการเข้ามาชมครั้งนี้ตื่นตาตื่นใจ และคุ้มค่ามากเลย
BYD มีส่วนร่วมในกิจกรรม R&D ที่ครอบคลุมนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ การพัฒนาวัสดุพื้นฐาน การศึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับอิเล็กโทรไลต์ที่เป็นของแข็ง เมมเบรนคอมโพสิต และสารละลายอิเล็กโทรไลต์ รวมไปถึงการพัฒนาอุปกรณ์ขั้นสูงและครอบคลุมรวมถึงความสามารถในการทดสอบรอบด้าน
ทั้งนี้ BYD ยังเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกของโลกที่มีความเชี่ยวชาญและทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเต็มรูปแบบในเทคโนโลยีหลักสามประการของ EV ได้แก่ แบตเตอรี่ มอเตอร์ไฟฟ้า และระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ ในปี 2561 BYD กำลังดำเนินการเพื่อให้ได้กำลังการผลิตแบตเตอรี่ที่ 28 GWh ต่อปี ทำให้เป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้าชั้นนำของโลก
ด้วยเทคโนโลยีการชาร์จ/การคายประจุแบบสองทิศทางของ BYD ยานพาหนะไฟฟ้าจะสามารถเชื่อมต่อกับ EV อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นกริดไฟฟ้า หรือแม้แต่กับเครื่องใช้ไฟฟ้า ทั้งหมดจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายแทนที่จะเป็นยูนิตแบบสแตนด์อโลน
สิ่งเหล่านี้ได้เปลี่ยน EV จากรูปแบบการขนส่งธรรมดาไปสู่สถานีไฟฟ้าเคลื่อนที่จริงที่สามารถใช้ในกรณีฉุกเฉินหรือโครงการบรรเทาภัยพิบัติ ด้วยความก้าวหน้านี้ BYD กำลังก้าวไปสู่ยุคใหม่ในการใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านการสร้างวิธีแก้ปัญหาการจราจรติดขัดในเมือง BYD ได้ลงทุนเงินรวม 5 พันล้านหยวนและระดมวิศวกรมากกว่า 1,000 คนในโครงการวิจัยและพัฒนาระยะเวลา 5 ปีเพื่อสร้าง BYD SkyRail ซึ่งเป็นระบบโมโนเรลแบบคานคร่อมที่มีเทคโนโลยีกรรมสิทธิ์สำหรับสวิตช์ โบกี้ และราง คานและเทคโนโลยีหลักอื่น ๆ ทั่วทั้งห่วงโซ่อุปทาน
ระบบ SkyRail Unattended Train Operation (UTO) นำเสนอบริการที่สะดวกสบายมากมาย รวมถึงการทำงานอัตโนมัติเต็มรูปแบบ การติดตามช่วงเวลาที่ปลอดภัย การวินิจฉัยตัวเอง การตรวจนับผู้โดยสารอัตโนมัติ และการจดจำใบหน้า ซึ่งในกรณีที่ไฟฟ้าดับ SkyRail จะเคลื่อนต่อไปยังสถานีถัดไปด้วยการใช้แบตเตอรี่ในตัว
ด้านการประหยัดพลังงาน ลดการปล่อยมลพิษ และปรับปรุงคุณภาพชีวิตในเมือง BYD ได้พัฒนาโซลูชัน EV ที่ใช้งานได้จริงและประหยัดมากมาย ได้เปิดตัวรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่ครอบคลุมตลาด 10 กลุ่ม ได้แก่ รถโดยสารประจำทาง รถโค้ช และแท็กซี่ ยานพาหนะด้านโลจิสติกส์ การก่อสร้าง และสุขาภิบาล และยานพาหนะสำหรับคลังสินค้า ท่าเรือ สนามบิน และเหมืองแร่
ในเดือนเมษายน 2015 BYD ได้เปิดตัวกลยุทธ์ 7+4 Full Market EV สำหรับรถยนต์พลังงานใหม่อย่างเป็นทางการ กลยุทธ์นี้ครอบคลุมการขนส่งแบบดั้งเดิม 7 สาขา (ยานพาหนะโดยสาร รถประจำทาง รถแท็กซี่ รถโค้ช รถขนส่ง ยานพาหนะก่อสร้าง และยานพาหนะสุขาภิบาล)
และ 4 สาขาการขนส่งเฉพาะ (คลังสินค้า เหมืองแร่ สนามบิน และท่าเรือ) ในฐานะผู้ริเริ่มรายใหญ่ในอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานใหม่ นับเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงการจราจรบนถนนจากเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นไฟฟ้า
BYD เป็นผู้นำในการพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ที่รู้จักกันในชื่อ PV+Storage ซึ่งมุ่งขจัดปัญหาคอขวดในการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์แบบดั้งเดิม และตอบสนองความต้องการ ลดต้นทุนการผลิตโมดูลพลังงานแสงอาทิตย์ลงอย่างมาก ทำให้ต้นทุนรวมของพลังงานแสงอาทิตย์และไฟฟ้าจากถ่านหินเทียบเท่ากัน สิ่งนี้ได้เร่งความนิยมของพลังงานแสงอาทิตย์และทำให้ประชาชนทั่วไปมีพลังงานสะอาด
BYD เป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่แบบชาร์จไฟได้ชั้นนำของโลก ได้แก่ แบตเตอรี่ NiMH แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน และแบตเตอรี่ NCM บีวายดีเป็นเจ้าของผังห่วงโซ่อุปทานที่สมบูรณ์ตั้งแต่เซลล์แบตเตอรี่แร่ไปจนถึงชุดแบตเตอรี่ แบตเตอรี่เหล่านี้ใช้งานได้หลากหลาย รวมถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์พลังงานใหม่ และที่เก็บพลังงาน
โดยอาศัยเทคโนโลยีแบตเตอรี่เหล็กฟอสเฟตขั้นสูง BYD สามารถตอบสนองความต้องการสำหรับการจัดเก็บพลังงาน การเปลี่ยนโหลดสูงสุด และการควบคุมโหลดสูงสุด/ความถี่ BYD กำลังสร้างอนาคตที่สะอาดและยั่งยืนด้วยการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกสนับสนุนสำหรับการผลิตพลังงานหมุนเวียน ส่งเสริมบริการเสริมสำหรับตลาดไฟฟ้า และช่วยเหลือการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดทั่วโลก
ทั้งหมดนี้ยังเป็นเพียงส่วนเล็กน้อยเท่านั้น จากความยิ่งใหญ่ของ BYD แต่ก็พอจะทำให้เป็นที่เข้าใจแล้วว่าทำไมแบรนด์นี้ถึงได้รับความไว้วางใจจากผู้คนทั่วโลก รวมถึงผู้บริโภคเมืองไทย เพราะการจะเติบโตในโลกธุรกิจยุคหน้านอกจากจะต้องมีวิสัยทัศน์ที่ดีแล้ว ความต้องการของผู้คน สิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ก็เป็นเรื่องที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญอีกด้วย