“ไอ-มอเตอร์” เปิดตัว THUNDER : The Ultimate EV Bike

Spread the love

 

THUNDER : The Ultimate EV Bike ที่สุดของมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าหนึ่งเดียว พร้อมบุกตลาดอาเซียน มีผู้แทนจำหน่าย 5 ประเทศ หวังกวาดยอดขายทะลุ 12,000 คัน

 

ปรีชา ประเสริฐถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอ-มอเตอร์แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด เปิดเผยว่า ไอ-มอเตอร์ฯ เราเป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าอันดับ 1 ของไทย ภายใต้แบรนด์ “ไอ-มอเตอร์” มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแบรนด์แรกของคนไทย ที่ผลิตจากโรงงานที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตอันเป็นที่ยอมรับในอุตสาหกรรมยานยนต์หนึ่งเดียวในประเทศไทยและอาเซียน โดยมีบริษัทแม่ คือ บริษัท นิวสมไทยมอเตอร์เวอร์ค จำกัด ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีในการผลิตชิ้นส่วนให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์รวมถึงมอเตอร์ไซค์แบรนด์ญี่ปุ่นมามากกว่า 60 ปี

 

และบริษัท จินป่าว พรีซิชั่น อินดัสทรี่ จำกัด ผู้พัฒนาและผลิตซอฟต์แวร์ติดตั้งใน ไอ-มอเตอร์ รวมถึงในอุตสาหกรรมอากาศยานและยานยนต์มายาวนานกว่า 40 ปี ทำให้กลุ่มบริษัทพันธมิตรในเครือมีความพร้อมทั้งในด้าน Know-How, ทีม R&D ที่มีการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง, ทีมวิศวกรที่มีประสบการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ ความพร้อมด้านเทคโนโลยีและเครื่องจักรในการผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ได้อย่างมีมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล

 

โดยจะทำให้รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่มีจำหน่ายอยู่ในประเทศไทยและอาเซียน มีสมรรถนะในการขับขี่เทียบเท่ามอเตอร์ไซค์น้ำมัน พร้อมมาตรฐานการผลิต ชิ้นส่วน บริการหลังการขายพร้อมอะไหล่มาตรฐานที่ใช้ทดแทนกันได้ และความปลอดภัยตามมาตรฐานอุตสาหกรรมยานยนต์ในระดับสากล ด้วยราคาที่เหมาะสมเข้าถึงผู้ขับขี่ทุกกลุ่มซึ่งจะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้มีผู้ใช้รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในตลาดมากยิ่งขึ้น

 

ในปีนี้จะบุกตลาดอาเซียนเต็มรูปแบบ โดยมีการเซ็นสัญญากับผู้แทนจำหน่ายในประเทศสิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ลาว และศรีลังกา และตั้งเป้าว่าภายใน 2 ปี เราจะวิจัยและพัฒนามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าออกสู่ตลาดอย่างน้อย 2-3 รุ่น และในปลายนี้เราเตรียมส่งรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า “ไอ-มอเตอร์” ออกจำหน่ายในประเทศกลุ่มยุโรปอีกด้วย

 

 

พร้อมกันนี้ยังเดินหน้าบุกตลาดมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุด THUNDER : The Ultimate EV Bike สุดยอดนวัตกรรมมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า โดยเราได้ออกแบบและพัฒนาโครงสร้างรถให้มีจุดศูนย์ถ่วง และการกระจายน้ำหนักของตัวรถอย่างมีเสถียรภาพ พร้อมโครงสร้าง “MPF Mark II” ที่แข็งแกร่ง ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ สามารถขับขี่ได้ทุกสภาพถนน เทียบเท่ากับมอเตอร์ไซต์ที่ใช้น้ำมัน ชาร์จแบตเตอร์รี่เร็วขึ้นกว่า 3 เท่า

 

มีให้เลือก 2 รุ่น คือ THUNDER ราคาเริ่มต้น 59,000 บาท และ รุ่น THUNDER Croz ราคาเริ่มต้น 64,500 บาท โดยเรามีการรับประกันโครงสร้าง 10 ปี ,แบตเตอรี่ 5 ปี ,Body Parts 3 ปี ,ECU และมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ปี ,หน้าจอและชาร์จเจอร์ 1 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร พร้อมบริการหลังการขายด้วยทีมช่างมืออาชีพรับประกันอะไหล่แท้และราคาเดียวกันทั่วประเทศ

 

คมค์ปภัส จารุวิสินวงษ์ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ไอ-มอเตอร์แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด กล่าวถึงกลยุทธ์ในการทำตลาดของบริษัทฯ ว่า ไอ-มอเตอร์ มีเป้าหมายที่ต้องการผลิตรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าให้มีสมรรถนะเทียบเท่ากับรถมอเตอร์ไซค์น้ำมัน โดยให้ความสำคัญใน 3 ส่วนหลัก คือ

 

1. ผลิตภัณฑ์ ที่ได้การรับรอง และเป็นที่ยอมรับในตลาดสากล เช่น UNR136, R78, E-Mark, ISO 9001-2015 และการรับรองจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยให้ใช้โลโก้และคำว่า “Made in Thailand” ได้เป็นรายแรก และรายเดียวของไทย รวมถึงงานดีไซน์ที่เน้นความแตกต่างและสีสันที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์การขับขี่ในชีวิตประจำวัน เดินทางท่องเที่ยว และผู้ประกอบการที่ใช้ขนส่ง-บรรทุกสินค้าได้อย่างมั่นใจ

 

2. พันธมิตรทางธุรกิจ การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับตัวแทนจำหน่าย และซัพพลายเออร์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการให้ความสำคัญและความร่วมมือในการพัฒนาเพื่อความก้าวหน้าและประสบความสำเร็จไปด้วยกัน

 

3. ลูกค้า “Family Marketing” คือ กลยุทธ์ที่ ไอ-มอเตอร์ เลือกใช้ โดยเริ่มต้นตั้งแต่การผลิตสินค้าดีที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับสากลตอบโจทย์การใช้งาน พร้อมบริการหลังการขายมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีและความประทับใจ สร้างการบอกต่อในกลุ่มผู้ใช้ด้วยกันเอง

 

 

คมค์ปภัส กล่าวว่า มุ่งเน้นการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐานสากล เพื่อตอบโจทย์ทุกการใช้งาน รวมถึงบริการหลังการขายด้วยทีมงานมืออาชีพ เพื่อสร้างประสบการณ์ และความประทับใจในสินค้าและบริการ เพราะเราเชื่อว่า หากเราสามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ มีบริการหลังการขายที่ดี ลูกค้าก็จะบอกต่อและทำให้เกิดฐานลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี

 

ในปี 2567 นี้ เราตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 12,000 คัน หรือ ประมาณ 770 ล้านบาท โดยจะแบ่งเป็นตลาดพรีเมียมประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ ตลาดแมส 80 เปอร์เซ็นต์ และมีสัดส่วนขายในประเทศประมาณ 85% และส่งออกไปต่างประเทศอีก 15%

Scroll to Top