ผลสำรวจ ชี้พิธีการศุลกากรอุปสรรคสำคัญ “Cross border”

Spread the love

 

FedEx ชี้ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นเป็นหนึ่งปัจจัยที่ขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจ ขณะที่พิธีการศุลกากรยังถือเป็นอุปสรรคต่อการค้าระหว่างประเทศ

 

เฟดเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส บริษัทในเครือเฟดเอ็กซ์ คอร์ปอเรชั่น (FedEx Corp.) (NYSE: FDX) หนึ่งในบริษัทผู้ให้บริการขนส่งสินค้าด่วนที่ใหญ่ที่สุดของโลก เผยรายงานล่าสุดจากการวิจัยร่วมกับ ฟอร์บส์ อินไซต์ (Forbes Insight) เพื่อหาทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในอีกสามปีข้างหน้า โดยการสำรวจนี้จะเผยถึงโอกาสในการเติบโตสำหรับธุรกิจขนาดเล็กรวมถึงความท้าทายด้านการค้าระหว่างประเทศ

 

การสำรวจในครั้งนี้จัดทำผ่านแบบสอบถามในกลุ่มผู้นำในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรวมกว่า 250 แห่งครอบคลุมผู้ก่อตั้งบริษัทและผู้บริหารระดับสูงจากหลากหลายอุตสาหกรรมทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยจากการสำรวจพบว่า กว่า 68% มองว่าประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่าง ไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย มีศักยภาพในการเติบโตมากที่สุด

 

ซึ่งปัจจัยเหนี่ยวนำที่กระตุ้นการเติบโตมีส่วนมาจากวัฒนธรรม รวมทั้งการยกระดับข้อตกลงทางการค้าซึ่งสร้างความน่าสนใจให้กับภูมิภาคนี้เป็นอย่างมาก ในขณะที่ 88% เผยว่าพวกเขามีแผนขยายฐานลูกค้าไปทั่วโลกภายในสามปี อย่างไรก็ตามผู้นำธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกพบว่าการทำธุรกิจกับคู่ค้า ซัพพลายเออร์ และลูกค้าในภูมิภาคอื่น ๆ เช่น ยุโรป อเมริกาเหนือ และ อเมริกาใต้ทำได้ยากขึ้น

 

ความท้าทายสำคัญยังคงเป็นเรื่องการหาโอกาสทางการค้าระหว่างประเทศรวมไปถึงในแถบภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกด้วยกันเอง เมื่อพูดถึงข้อจำกัดในการขยายธุรกิจไปสู่การค้าระหว่างประเทศ กว่าครึ่งของผู้ตอบแบบสอบถาม ระบุว่า ข้อกำหนดและการดำเนินเอกสารพิธีการศุลกากรที่ซับซ้อนถือเป็นอุปสรรคสำคัญในการหาลูกค้าใหม่ๆ (45%) รวมถึงการหาคู่ค้าหรือซัพพลายเออร์ใหม่ในตลาดโลก (42%) นอกจากนี้จากผลสำรวจยังพบว่า ความเชี่ยวชาญภายในองค์กรด้านกฎระเบียบทางการค้ายังคงมีข้อจำกัด ส่งผลให้การปฏิบัติตามกฎระเบียบของศุลกากรในประเทศต่างๆ เป็นเรื่องที่ยากยิ่งขึ้น

 

คาวอล พรีท ประธานภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง และแอฟริกาของเฟดเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส กล่าวว่า จากผลสำรวจได้แสดงให้เห็นถึงความผันผวนของเศรษฐกิจในปัจจุบันและการแข่งขันในระดับโลกเป็นความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดสำหรับผู้ประกอบการรายย่อยในภูมิภาคเอเชีย ขณะที่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีอัตราการเติบโตที่เร็วกว่าตลาดอื่นๆ ทั่วโลก ฉะนั้นผู้ประกอบการฯ จึงมุ่งเน้นการทำการค้าภายในภูมิภาคฯ เป็นหลัก

 

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการฯ ยังคงมีอุปสรรคที่ต้องก้าวข้ามให้ได้เพื่อมุ่งสู่การค้าในต่างประเทศ แม้ว่าในปัจจุบันจะมีการยกระดับข้อตกลงทางการค้าในระดับภูมิภาคและทวิภาคีขึ้นมาแล้วก็ตาม พันธมิตรผู้เชี่ยวชาญอย่าง เฟดเอ็กซ์ จะสามารถช่วยธุรกิจในการทำความเข้าใจกับกฎระเบียบของพิธีการศุลกากรที่ซับซ้อน พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจ ด้วยการร่วมสร้างโอกาสให้แก่กลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ให้สามารถพัฒนาจุดแข็งของตนเองที่มีอยู่ให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

 

ศศธร ภาสภิญโญ กรรมการผู้จัดการ เฟดเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส ประเทศไทย กล่าวว่า ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยที่ตั้งที่อยู่ใจกลางของภูมิภาคฯ ประกอบกับระบบเศรษฐกิจที่มีความแข็งแกร่งช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะผ่านช่วงสถานการณ์ยากลำบากในช่วงที่มีโรคระบาดโควิด-19 แต่ภาคธุรกิจสำคัญอย่าง การท่องเที่ยว การเกษตร และการผลิต กลับฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศที่พร้อมจะเติบโตไปกับเศรษฐกิจในระดับโลก

 

วิสัยทัศน์ของเราคือการได้เห็นธุรกิจไทยเติบโตในเวทีโลก โดย เฟดเอ็กซ์ ยังคงมุ่งมั่นที่จะช่วยเร่งการเติบโตด้วยโซลูชันโลจิสติกส์ขั้นสูงที่มาพร้อมการผสานรวมแบบดิจิทัล พร้อมช่วยให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) สามารถก้าวข้ามความท้าทายทางการค้าระหว่างประเทศ และเข้าถึงการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล รวมไปถึงการใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในตลาดโลก

 

รอส แกกนอน ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายศึกษาวิจัยของฟอร์บส์ อินไซต์ กล่าวว่า รายงานนี้แสดงให้เห็นถึงข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวกับอุปสรรคและการเติบโตของตลาดจากมุมมองของผู้ประกอบการส่งออกสินค้ารายย่อยที่ยังคงต้องเผชิญอยู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมความร่วมมือเพื่อมุ่งเน้นการปลดล็อกอุปสรรคทางการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงการเชื่อมโยงความสามารถทางระบบดิจิทัลที่แตกต่างกันของแต่ละประเทศจะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้การค้าระหว่างประเทศประสบผลสำเร็จได้

 

ในขณะเดียวกันผู้ประกอบการรายย่อยให้ความสำคัญกับการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าเป็นอันดับแรก (57%) โดยธุรกิจขนาดรายเล็กส่วนมากจะจัดสรรงบประมาณเพื่อการลงทุนระบบด้านไอทีและดิจิทัลเพียง 5% จากรายได้รวมของบริษัท แต่ขณะเดียวกันเทคโนโลยีดิจิทัลกลับถูกมองว่าเป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อรับมือกับความท้าทายในการสร้างประสบการณ์ทางด้านการบริการที่ดีให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล แมชชีนเลิร์นนิง เทคโนโลยี AI โซลูชันการติดตามและตรวจสอบแบบเรียลไทม์

 

รวมถึงการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มทักษะทางเทคโนโลยีให้กับพนักงาน แม้ทุกคนจะเข้าใจดีว่าเทคโนโลยีทรงประสิทธิภาพเพียงใด แต่เกือบสามในสี่ (71%) ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า การพัฒนาหรือใช้กลยุทธ์ดิจิทัลเป็นความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดสำหรับพวกเขา ตามมาด้วยการประเมินและจัดทำมาตรการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ (65%) และค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดระบบเดิมให้ทันสมัยมากขึ้น (64%)

 

ในกรณีที่ธุรกิจมีข้อจำกัดทางด้านความสามารถและงบประมาณในการลงทุน การเปลี่ยนผ่านการดำเนินธุรกิจสู่ระบบดิจิทัลสามารถทำได้ง่ายยิ่งมากขึ้น จากการเลือกพันธมิตรที่พร้อมด้วยเครื่องมือและแพลตฟอร์มดิจิทัลที่สามารถประยุกต์ให้เข้ากับระบบของพวกเขาเองได้

 

สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายงานฉบับสมบูรณ์ของเฟดเอ็กซ์และแนวโน้มทางธุรกิจเพื่อเป็นแนวทางการพัฒนากลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้ประสบผลสำเร็จสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย ในเอเชีย ได้ที่ fedex.com

Scroll to Top