ทดลองขับฟอร์ด มัสแตง 5.0L V8 GT สปอร์ตทรงพลัง สนุกแบบเครื่องยนต์ใหญ่สูบเยอะ

Spread the love

 

ปัจจุบันมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามามีบทบาทในการเพิ่มพละกำลังเครื่องยนต์ ทำให้รถยนต์รุ่นใหม่ ๆ สามารถสร้างพละกำลังได้แบบเครื่องยนต์เครื่องสันดาปสมรรถนะสูง มาพร้อมกับความประหยัดน้ำมัน ที่ทั้งสองสิ่งนี้ในอดีตดูเหมือนจะสวนทางกัน ซึ่งที่ผ่านมา Techmoveon ได้ทดสอบรถยนต์ผสมไฟฟ้ามาหลากหลายรุ่น ชื่นชอบกับความเร็วและแรง แต่..

 

พอมาได้ทดลองขับ ฟอร์ด มัสแตง หรือในเมืองมะกันเรียกกันว่า Muscle Car นั้น ในส่วนของความแรงนั้นก็สูสีกัน ต่างกันตรงที่อารมณ์และความรู้สึก เพราะเครื่องยนต์เครื่องยนต์ 5.0L V8 Ti-VCT ไร้ระบบอัดอากาศและมอเตอร์มาช่วยเหลือ สร้างกำลังสูงสุดได้ 449 แรงม้า ที่ 7,000 รอบ/ นาที แรงบิดสูงสุด 529 นิวตันเมตรที่ 4,600 รอบ/ นาที.. มันกระตุ้นให้อดีนาลีนในร่างกายหลั่งหนักมาก

 

ตั้งแต่สตาร์ตรถ เสียงเครื่องของ ฟอร์ดมัสแตง GT ก็ดังกระหึ่มเรียกร้องความสนใจ (แต่เราสามารถปรับให้เงียบได้ เพื่อไม่ให้รบกวนเพื่อนบ้าน ตอนสตาร์ทช่วงเช้า) โดยมีโหมดการปรับระดับความดังของเสียงท่อไอเสีย อันประกอบด้วย Quiet, Normal, Sport และ Track ดังนั้นถ้าต้องการความเงียบ ตั้งเวลาการใช้โหมด Quiet ไว้จะดีที่สุด

 

การกดคันเร่งเบา ๆ รถก็ออกได้แบบนุ่มนวลเหมือนรถยนต์ทั่วไป แต่ถ้ากดหนักหน่อยก็จะออกตัวได้แบบรวดเร็วและรุนแรง ถ้ากดกันแบบเต็มเท้ารับรองได้ว่าคนขับต้องขนลุกกันบ้าง เพราะพลังอันมหาศาลจะดึงให้รถไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

 

 

เครื่องยนต์ 5,000 ซีซี V8 จะทำให้ม้าป่าที่ดูนิ่ง ๆ พยศขึ้นมาทันที ถ้าควบคุมไม่ดีหรือจับพวงมาลัยไม่แม่น อาจจะก่อให้เกิดปัญหา เพราะรถแรง แม้ว่าจะมีระบบควบคุมที่ดี แต่ถ้าคนขับไม่เต็มร้อย อะไรก็เกิดขึ้นได้นะ ดังนั้นอยากจะขับรถแรง สติก็ต้องเต็ม!!

 

การออกตัวอาจจะมีล้อฟรีโชว์รถรอบข้างบ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร อัตราเร่งตั้งแต่การออกตัว ความเร็วปานกลาง และความเร็วสูง พลังมีมาให้ใช้งานกันต่อเนื่อง ไม่ต้องวิตกกังวลเรื่องการเร่งแซงเลย เพราะไม่ว่าจะอยู่ในความเร็วไหน ม้าป่าไม่เคยทำให้ผิดหวัง นี่อาจจะเป็นเสน่ห์ของรถเครื่องใหญ่สูบเยอะ ที่ไม่ต้องรอรอบ ไม่ต้องรอบูสท์เทอร์โบ พร้อมพุ่งทะยานเสมอเมื่อเจ้าของต้องการ

 

ฟอร์ดมัสแตง GT คันนี้ช่วงล่างออกจะแข็งนิด ๆ แต่ด้วยเบาะนั่งที่ให้ความสบายแบบมาก ๆ ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบอิสระ Integral-link พร้อมเหล็กกันโคลงเช่นกัน มาพร้อมเฟืองท้ายแบบลิมิเต็ดสลิป

 

การทรงตัวในความเร็วสูงทำได้อย่างมั่นใจ การเปลี่ยนเลน ทำให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเนียน แถมสนุกสนานและไว้ใจได้เมื่อเพิ่มความเร็ว แต่คนขับก็ต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมพลังของรถให้ได้ ถ้าไม่เคยขับรถแรง ๆ มาก่อน เพราะการดีดดิ้นอาจจะเกิดขึ้นได้ถ้าควบคุมไม่ดี และที่สำคัญคือเนื้อตัวรถค่อนข้างใหญ่ จะมุดไปมุดมาเหมือนรถคันเล็ก ๆ ต้องระวังระยะกันหน่อย

 

เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด และระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift สร้างสีสันและความต่อเนื่องได้ดี น้ำหนักพวงมาลัยเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยสร้างความมั่นใจได้มาก เพราะมัสแตงคันนี้มาพร้อมพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า (EPAS) ปรับน้ำหนักตามความเร็วและสถานการณ์การขับขี่ พร้อมโหมดให้เลือกปรับน้ำหนักพวงมาลัยให้หน่วงมือได้

 

 

ส่วนเรื่องการทำงานของเบรกนั้นก็จัดว่าดี หยุดได้อย่างมั่นใจทุกช่วงความเร็วแบบไม่ต้องลุ้นกันเลย หนึบกระชับ เบรกหน้าเป็นของ Brembo 6Pot ขนาดลูกสูบ 36 มิลลิเมตร จานเบรกขยายขนาดเป็น 380 มิลลิเมตร เบรกหลังเป็นคาลิเปอร์แบบ 1 Pot ลูกสูบ 45 มิลลิเมตรกับจานเบรกขนาด 330 มิลลิเมตร

 

นอกจากนี้ฟอร์ดมัสแตง GT ยังมีโหมดการขับขี่ต่าง ๆ ให้เลือกไม่ว่าจะเป็น Normal สำหรับการขับขี่ทั่วไป ระบบช่วยเหลือต่าง ๆ จะทำงานปกติ, Sport สำหรับการขับขี่ที่สนุกขึ้น เกียร์เปลี่ยนแรง และพวงมาลัยตึงขึ้นระบบช่วยเหลือบางอย่างลดลง, Track สำหรับใช้ในการขับในสนามแข่งเพราะรถจะปิดระบบควบคุมการทรงตัวออก

 

Snow-Wet ใช้เวลาขับบนพื้นลื่น, Drag Strip ใช้สำหรับการขับแบบควอเตอร์ไมล์หรือทางตรง และสุดท้ายกับ My Mode ที่เราสามารถเลือกปรับค่าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นของพวงมาลัย เกียร์ คันเร่ง และระบบควบคุมการทรงตัว

 

ฟอร์ดมัสแตง GT เรียกได้ว่าเป็นรถที่แรง ขับสนุก เบรคดี ทุกอย่างครบ แต่สิ่งหนึ่งที่คนสนใจกันก็คือ อัตราความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง แม้ในความเป็นจริงคนที่ขับรถระดับนี้ก็ไม่น่าจะต้องมาแคร์เรื่องอะไรแบบนี้ แต่ก็อาจจะสงสัยกันบ้างว่าเครื่องใหญ่สูบเยอะ ต้องผลาญน้ำมันแบบไม่แคร์ระยะห่างของปั๊มแน่ ๆ

 

ต้องบอกกันตรงนี้ว่า ถ้าเราขับแบบชิว ๆ เรื่อย ๆ เร่งบ้าง แซงบ้าง สนุกบ้าง 10 กิโลเมตรต่อลิตรก็มีให้เห็นแน่นอน แต่ถ้าเหยียบกันบ่อย ๆ 8 – 7 – 6 มาให้พบเจอแน่ ๆ แต่ต้องไม่ลืมว่านี่คือรถสปอร์ตเครื่องใหญ่ การกดคันเร่งหนัก ๆ ก็ต้องซดเป็นธรรมดา แต่นี่ก็ถือว่าซดน้อยกว่ายุโรปเทอร์โบบางรุ่น หรือรถญี่ปุ่นเครื่องโต ที่เอาแต่กินน้ำมัน แต่ฟีลลิ่งการขับขี่ อาจจะไม่ดีเท่า ฟอร์ดมัสแตง GT

 

 

สนุกสนานกับสมรรถนะกันแล้วก็มาดูภายในกันบ้าง บนพวงมาลัยก็จะมีสวิตช์ควบคุมที่ทำได้หลายสิ่งอย่าง ด้านหน้าปัดหลังพวงมาลัยเป็นจอ TFT ขนาด 12.4 นิ้ว สามารถปรับวิธีการแสดงค่าได้หลายแบบ และตามแต่การเลือกโหมดในการขับรถ รวมไปถึงยังสามารถเลือกดึงข้อมูลที่อยากจะโชว์ อย่างเช่น อุณหภูมิน้ำมันเฟืองท้าย, แรงดันน้ำมันเครื่อง อะไรประมาณนี้

 

แสดงผลได้หลายสิ่งอย่างแบบที่นักขับในสนามแข่งอยากจะรู้เลยทีเดียว แต่ถ้าเราไม่อยากรู้มากมาย แค่เลือกแต่งที่เราชอบก็พอ จะได้ไม่เวียนหัว ภายในของฟอร์ดมัสแตง GTเจนเนอเรชั่นนี้ ออกแบบโดยใช้ดีไซน์จากห้องนักบิน ซึ่งก็ดูเก๋เท่และสปอร์ตแบบไม่เหมือนใคร แม้ภายในจะเป็นโทนสีดำ ตัดกับสีเงินและโครเมียม แต่ในยามค่ำคืนก็จะมี Ambient Light ที่สามารถปรับสีได้ ช่วยให้บรรยากาศดูมีสีสันขึ้นเยอะ

 

ส่วนคอนโซลกลางก็จะเป็นหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว อันประกอบด้วย เครื่องเสียง วิทยุ AM/FM CD MP3 ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 3 รองรับ Apple Car Play / Andriod Auto รองรับการเชื่อมต่อ WiFi ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth ช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่ง และที่สำคัญคือ ในรุ่น GT นี้มีแผนที่ใส่มาให้เลย

 

ระบบเสียง Bang & Olufsenลำโพง 12 ตำแหน่ง พร้อม Subwoofer / Amplifier ที่จะติดตั้งไว้ที่เก็บสัมภาระด้านท้าย บอกได้เลยว่าเสียงดีมาก ส่วนเบรกมือยังเป็นแบบคันดึงยาว ๆ ธรรมดา ไม่ได้ทันสมัย แต่มันก็เป็นองค์ประกอบหนึ่งของรถอเมริกันพันธุ์โหด แต่ในใจก็จะชอบเบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Brake Hold มากกว่า

 

 

เบาะคู่หน้าเป็นเบาะ RECARO ทรงบัคเก็ตซีทปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง ปรับดันหลังมาให้ที่ฝั่งคนขับ ตัวเบาะปรับไฟฟ้าได้แค่เลื่อนหน้า-ถอยหลัง ปรับองศาการเทหน้า-หลังและปรับความสูงได้ แต่ไม่สามารถปรับในส่วนการเอนพนักพิงเบาะได้ ต้องใช้คันโยกแทน รวมไปถึงไม่มีระบบความจำตำแหน่งเบาะมาให้ ซึ่งในการใช้งานจริงถ้าเราก็ไม่ได้ปรับเบาะกันบ่อย ๆ อยู่แล้ว

 

และจะไม่ได้เน้นซัพพอร์ทกระชับจนน่าอึดอัดแบบค่ายอื่น แต่ก็ให้ความสบายที่ต้องบอกเลยว่าชอบมาก โดยเฉพาะการเดินทางไกล ที่จะให้ความผ่อนคลายไม่เมื่อยล้า ไม่ต้องขยับตัวหลายรอบ ชอบมากกว่ารถสปอร์ตเยอรมันที่เคยขับมาทั้งหมดซะอีก

 

เช่นเดียวกับเบาะหลังก็เป็นเบาะที่นั่งได้จริง แต่คนนั่งต้องไม่อ้วน ไม่สูงมาก เราก็จะสามารถพกพาบุคคลที่ 3 และ 4 ไม่เที่ยวด้วยได้ ไม่ใช่จ่ายค่าเบาะหลังเพิ่มเพื่อให้สุนัขนั่งเหมือนสปอร์ตรุ่นอื่น ๆ ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา Dual Zone กระจกมองหลัง แบบปรับลดแสงอัตโนมัติ กระจกหน้าต่างไฟฟ้า แบบ One-Touch ทั้ง 2 บาน ชุดสคัพเพลทสแตนเลสแบบ LED ช่องชาร์จไฟ 12V

 

ฟอร์ดมัสแตง GT มาพร้อมไฟหน้า Projector Lens แบบ LED ไฟ Daytime Running Lights แบบ LED ระบบเปิด-ปิดไฟหน้า แบบอัตโนมัติระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ Auto High Beam ไฟท้าย แบบ LED ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ Rain Sensor กระจกมองข้าง ปรับและพับด้วยไฟฟ้า กระจกมองข้าง พร้อมไฟเลี้ยวในตัว และ ระบบฮีตเตอร์ ไฟส่องสว่างข้างตัวรถ Pony Puddle Lampsท่อไอเสียคู่

 

 

เห็นสปอร์ตแบบนี้ก็ไม่ละเลยความปลอดภัยนะมี Safety มาให้เพียบ ไม่ว่าจะเป็น ระบบเบรก ABS / EBD / BA ระบบควบคุมการทรงตัว Advancetrac : ESP ระบบป้องกันการลื่นไถล TRC ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HLA ระบบเตือนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning System ระบบเบรกอัตโนมัติ พร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน AEB with Pedestrian Detection

 

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องจราจร Lane Keeping System ระบบตรวจจับลมยาง TPMS ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน Emergency Assistance

 

ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตำแหน่ง ม่านถุงลมนิรภัย 2 ตำแหน่ง ถุงลมหัวเข่าคนขับ และ ผู้โดยสารตอนหน้า 2 ตำแหน่ง กล้องมองภาพขณะถอยจอด เซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหลัง ระบบสัญญาณกันขโมย Burglar Alarm จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX

 

 

ฟอร์ด มัสแตง 5.0L V8 GT Coupe Performance Pack ราคา 4,899,000 บาท ต้องบอกเลยว่า การได้มาทดลองขับรถสมรรถนะสูงที่พกเครื่องยนต์ใหญ่สูบเยอะมา ได้สร้างความหลงใหลและประทับใจได้มาก แม้จะแรงน้อยกว่ารถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดตัวแรงที่เคยได้ทดลองมา แต่อารมณ์การขับขี่ การตอบสนองของตัวรถ มันให้ความรู้สึกว่านี่ก็การขับรถที่มีจิตวิญญาณความสปอร์ต และความสนุกแบบที่รถยนต์ที่ใส่มอเตอร์ไฟฟ้าให้ไม่ได้

 

สมรรถนะเครื่องยนต์ที่ยอดเยี่ยม การทรงตัวและการบังคับควบคุมที่สนุก และรูปทรงที่เด่นสะดุดตา กว่ารถสปอร์ตคูเป้ค่ายยุโรปพรีเมียม คือเสน่ห์ของ ฟอร์ดมัสแตง GT คันนี้ แม้ภายในอาจจะไม่ได้หรูหรา หรือตกแต่งแบบแพรวพราว แต่ก็เป็นพื้นที่ส่วนตัวที่ให้ความสปอร์ตได้มาก แถมยังพกเทคโนโลยีการขับขี่ และความปลอดภัยมาให้ใช้กันแบบเต็ม ๆ อีก และที่สำคัญคืออัตราการบริโภคน้ำมันที่บอกได้เลยว่าสมเหตุสมผลไม่ได้สูบแบบที่ใครหลายคนกลัว

 

หลังจากที่ได้ทดลองขับ ฟอร์ดมัสแตง GT และรุ่นก่อนหน้าที่เป็น Ecoboost ทำให้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม ฟอร์ด มัสแตง ถึงได้ครองตำแหน่งรถยนต์สมรรถนะสูงสำหรับชาวอเมริกัน หรือ Muscle Car 6 ปีซ้อน และแม้ในวันนี้จะมีเจนเนอเรชันใหม่ออกมาแล้ว แต่ก็คงต้องรออีกสักระยะกว่าจะเข้ามาจำหน่ายในเมืองไทย ดังนั้นใครที่กำลังตัดสินใจซื้อ ฟอร์ดมัสแตง GT รุ่นนี้ก็จัดได้เลยไม่ผิดหวัง

 

Scroll to Top